สาเหตุผมร่วงที่พบบ่อย

ลักษณะทั่วไปของ ผมร่วง ผมบาง

ผมร่วง ผมบาง เป็นภาวะที่พบได้ในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง โดยมีสาเหตุมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน ซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจาก กรรมพันธ์ หรือมีสาเหตุมาจากโรคต่าง ๆ อาทิเช่น โรคมะเร็ง, โรคเอสแอลดี, โรคเชื้อราบนหนังศีรษะ, โรคทางต่อมไทรอยด์, โรคไทฟอยด์, โรคซิฟิลิส, โรคไต เป็นต้น

สาเหตุที่พบบ่อย และวิธีการรักษา

1. ผมร่วง จากกรรมพันธุ์

ส่วนใหญ่มักจะพบในเพศชาย รากผม มีความไวต่อฮอร์โมนแอนโดรเจน (androgen) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชาย ทำให้ เส้นผม มีอายุสั้นกว่าปกติ และ เส้นผม ที่เกิดใหม่มีขนาดเล็กและบางลง เห็นเป็นเส้นขนอ่อน ๆ ทำให้บริเวณนั้นดู ผมบาง ลง ส่วนมากจะเป็นบริเวณกลางศีรษะ และหน้าผาก เริ่มสังเกตได้เมื่ออายุ 20 ปีขึ้นไป และจะเห็นชัดมากขึ้น ส่วนผู้หญิง มักจะเริ่มแสดงอาการหลังวัยหมดประจำเดือน ทำให้ดู ผมบาง ลง

วิธีการรักษา

ในปัจจุบันยังไม่มียาที่ใช้ป้องกันและรักษาที่ได้ผล 100 เปอร์เซ็นต์ ยาส่วนใหญ่ที่ใช้จะเป็นยาที่มีผลข้างเคียงต่อร่างกายทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น minoxidill, finastericde หรือ dutasteride ยาเหล่านี้ เมื่อหยุดใช้ ผม ก็จะกลับมาร่วงอีก การรักษาส่วนใหญ่ จึงควรจะเป็นการรักษาด้านกายภาพซึ่งจะมีผลข้างเคียงน้อยกว่า ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ เพื่อช่วยบรรเทาอาการ ผมร่วง ผมบาง ให้กลับมาดีขึ้นได้ และชะลอการ หลุดร่วง ของ เส้นผม

2. ผมร่วง ตามธรรมชาติ

โดยปกติแล้ว เส้นผม ของคนเรามีประมาณ 80,000 – 1,200,000 เส้น จะมีประมาณ 85-90% ที่อยู่ในช่วงที่มีการเจริญงอกงาม และยาวขึ้นวันละประมาณ 0.35 มิลลิเมตร และมีอายุนาน 2-6 ปีโดยปกติคินเราจะมี ผมร่วง เป็นประจำทุกวัน แต่ไม่เกินวันละ 30-50 เส้น ซึ่งถือว่าเป็น ผมร่วง ตามธรรมชาติ หลังจากนั้นก็มีเส้นผมใหม่งอกขึ้นมาแทน วนเวียนไปเรื่อย ๆ เช่นเดียวกับเซลล์ของผิวหนังที่มีบางส่วนที่ตาย และหลุดลอกออกมาเป็นขี้ไคลทุกวัน

วิธีการรักษา

อย่าวิตกกังวลมากเกินไป ลองสังเกตอาการดูซักระยะ ถ้าไม่ดีขึ้น ควรไปตรวจสุขภาพ ดูว่าเป็นโรคต่าง ๆ ที่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิด ผมร่วง หรือไม่

3. ผมร่วง จากโรคอื่น ๆ

ผู้ป่วยที่เป็นโรคบางอย่าง เช่น โรคเอสเอลอี , โรคมะเร็ง, โรคเชื้อราบนหนังศีรษะ, โรคทางต่อมไทรอยด์, โรคไทฟอยด์, โรคซิฟิลิส, โรคไต เป็นต้น ก็อาจมีอาการ ผมร่วง ผมบาง ร่วมกับ อาการของโรคเหล่านี้ เช่น เป็นไข้เรื้อรัง ปวดตามข้อ มีผื่นปีกผีเสื้อขึ้นที่หน้า ต่อมน้ำเหลืองโต เป็นต้น

วิธีการรักษา

สำหรับโรคซิฟิลิส หากสงสัย ควรส่งโรงพยาบาล เพื่อตรวจเลือดหา วีดีอาร์แอล (VDRL) ถ้าเป็นโรคนี้จริง ควรให้การรักษาแบบซิฟิลิส ระยะที่ 2 (ดูโรคที่ ซิฟิลิส) ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องมักทำให้กลายเป็นซิฟิลิสระยะที่ 3 ซึ่งเป็นอันตรายได้

4. ผมร่วง จากยาและการฉายรังสี

ยาที่อาจทำให้เกิดอาการ ผมร่วง มีอยู่หลายชนิด เช่น ยารักษามะเร็ง, ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด (anticoagulants) เช่น เฮพาริน (Heparin), ยารักษาคอพอกเป็นพิษ, ยาคุมกำเนิด,คอลชิซีน, อัลโลพูรินอล (Allopurinol) ซึ่งใช้ป้องกันโรคเกาต์, แอมเฟตามีน (Amphetamine) เป็นต้น นอกจากนี้ การฉายรังสีในการรักษามะเร็ง ก็อาจทำให้ ผมร่วง ได้

วิธีการรักษา

หากสงสัย ควรแนะนำให้ผู้ป่วยกลับไปปรึกษาแพทย์ที่รักษาอยู่เดิม

5. ผมร่วง จากเชื้อรา

โรคเชื้อราที่ศีรษะ (กลากที่ศีรษะ) อาจพบได้บ่อยในเด็ก แต่จะไม่ค่อยพบในผู้ใหญ่ เกิดจากการติดเชื้อรา ซึ่งมักจะลุกลามจากบริเวณอื่นของร่างกาย โรคนี้ทำให้ ผมร่วง เป็นหย่อม ๆ คล้ายโรคผมร่วงหย่อมไม่ทราบสาเหตุ แต่จะมีลักษณะขึ้น เป็นผื่นแดง คันและเป็นขุยหรือสะเก็ด นอกจากนี้มักจะพบร่องรอยของโรคเชื้อรา (กลาก) ที่ มือ เท้า ลำตัวหรือในบริเวณร่มผ้าร่วมด้วย การขูดเอาขุยที่หนังศีรษะ หรือเอา เส้นผม ในบริเวณนั้นมา ละลายด้วยน้ำยาโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ (KOH) แล้วส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ จะพบเชื้อราที่เป็นสาเหตุ

วิธีการรักษา

ควรรับประทานยาฆ่าเชื้อรา ได้แก่ กริซีโอฟุลวิน ซึ่งอาจต้องให้นาน 6-8 สัปดาห์

6 ผมร่วง จากการทำผม

การทำ ผม ด้วยการม้วน ผม ดัดผม เป่าผม หรือวิธีอื่น ๆ อาจทำให้มีอาการ ผมร่วง ได้ บางรายถึงขั้นรุนแรงขนาดอยู่เฉย ๆ ก้อเห็น ผมร่วง หล่นลงมาอย่างเห็นได้ชัด

วิธีการรักษา

ไม่ควรใช้วิธีการทำผมที่รุนแรง เช่นดึงผมอย่างแรง หรือใช้น้ำยาทำผมจากสารเคมีที่แรงเกินไป นอกจากนั้น ควรใช้แชมพูสูตรอ่อนละมุน หมั่นสระผม เช้า-เย็น เพื่อขจัดน้ำยาต่าง ๆ ที่แพ้ได้อย่างทันท่วงที

7. ผมร่วง จากการถอนผม

พบได้บ่อยในเด็กที่มีปัญหากดดันทางจิตใจด้วยสาเหตุต่าง ๆ เช่น ปัญหาทางครอบครัว ปัญหาการเรียน เป็นต้น เด็กบางคนอาจถอนผมเล่นจนเป็นนิสัย โดยไม่มีปัญหาทางจิตใจก็ได้ (เรียกอาการนี้ว่า Trichotillomania) ผู้ป่วยจะถอนผมตัวเองเล่น จน ผมร่วง หรือ ผมแหว่ง บางคนอาจเอามาเคี้ยวกินเล่น ถ้ากินมาก ๆ อาจทำให้เกิดการอุดตันของกระเพาะลำไส้ได้ เด็กบางคนอาจถอนผมเฉพาะตอนก่อนนอน ซึ่งจะพบว่ามีเส้นผมตกอยู่ตามหมอนทุกวัน เส้นผมเหล่านี้จะไม่มี ต่อม รากผม หนังศีรษะบริเวณที่ ผมร่วง จะไม่มีผื่นคัน หรือเป็นขุย และจะพบเส้นผมที่เป็นตอสั้น ๆ อยู่มาก เนื่องจากผู้ป่วยถอนออกไม่ถนัด

วิธีการรักษา

อธิบายให้ผู้ปกครองทราบถึงสาเหตุ และหาทางห้ามปรามเด็กมิให้ ถอนผม เล่น ถ้าหยุดถอนผมก็จะขึ้นได้เองในรายที่มีปัญหาทางจิตใจ อาจให้ยากล่อมประสาท เช่น ไดอะซีแพม ถ้าไม่ได้ผลควรปรึกษาจิตแพทย์

8. รอยแผลเป็นที่หนังศีรษะ

รอยแผลเป็นที่หนีงศีรษะ อาจเกิดจากบาดแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก ถูกสารเคมี หรือเกิดจากการติดเชื้อ รุนแรงจากแบคทีเรีย (เช่น ฝี พุพอง ชันนะตุ) เชื้อรา (เช่น กลาก) หรือ งูสวัด ทำให้เป็นแผลเป็น ไม่มี ผม ขึ้นอย่างถาวร

วิธีการรักษา

ปัจจุบันยังไม่มียาที่ใช้รักษาอย่างได้ผล ถ้าจำเป็นอาจต้องทำการผ่าตัด ปลูกผม

9. ผมร่วง เป็นหย่อม

อาจมีสาเหตุจากเชื้อรา (กลาก), ซิฟิลิส, การถอนผม, รอยแผลเป็น หรือสาเหตุอื่น ๆ แต่มี โรคผมร่วงเป็นหย่อม อยู่ชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้น โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด เรียกว่า “โรค ผมร่วง ย่อมไม่ทราบสาเหตุ (Alopecia areata)” เป็นภาวะที่พบได้เป็นครั้งเป็นคราว พบมากในวัยหนุ่มสาว พบน้อยในคนอายุเกิน 45 ปี ขึ้นไป ทั้งหญิงและชายมีโอกาสเป็นเท่า ๆ กัน ภาวะเครียดทางจิตใจอาจมีส่วนกระตุ้นให้เกิดอาการได้ ผู้ป่วยจะมีอาการ ผมร่วง เฉพาะที่ ทำให้ ผม แหว่งหายไปเป็นหย่อม ๆ มีลักษณะกลมหรือรี ขอบเขตชัดเจน ตรงกลางไม่มี เส้นผม แต่จะเห็นรูขุมขน หนังศีรษะในบริเวณนั้นเป็นปกติทุกอย่าง ไม่แดง ไม่เจ็บ ไม่คัน ไม่เป็นสะเก็ด หรือเป็นขุย ในระยะแรกจะพบ เส้นผม หักโคนเรียงอยู่บริเวณขอบ ๆ บางคนอาจพบ เส้นผม สีขาวขึ้นในบริเวณนั้นผู้ป่วยอาจมี ผมร่วง เพียง 1-2 หย่อม หรืออาจมากกว่า 10 หย่อม ถ้าเป็นมากอาจลุกลามจนทั่วศีรษะ จนไม่มี เส้นผม เหลืออยู่เลยแม้แต่เส้นเดียว บางคนอาจมีอาการ ขนตา และ ขนคิ้ว ร่วงร่วมด้วย เรียกว่า “ผมร่วงทั่วศีรษะ (Alopecia totalis)” ผู้ป่วยส่วนมากจะหายได้เองตามธรรมชาติ แต่อาจกินเวลาเป็นปีกว่าจะหาย (ประมาณ 50% ของผู้ป่วยหายภายใน 1 ปี ประมาณ 2 ใน 3 ของผู้ป่วย จะมี ผม ขึ้นภายใน 5 ปี) บางคนเมื่อหายแล้ว อาจกำเริบได้ใหม่เป็น ๆ หาย ๆ บ่อยครั้ง ประมาณ 40% ของผู้ป่วยจะกำเริบซ้ำอีกภายใน 5 ปี หรือไม่อาจมีคนอื่น ๆ ในครอบครัวเป็นโรคนี้ด้วย (โดยที่ไม่ได้เป็นโรคติดต่อแต่อย่างไร)บางครั้งอาจพบร่วมกับโรคอื่น ๆ เช่น ต่อมไทรอยด์อักเสบจากออโตอิมมูน, โรคแอดดิสัน,โรคด่างขาว เป็นต้น

วิธีการรักษา

หากสงสัย ควรแนะนำไปตรวจที่โรงพยาบาล อาจต้องเจาะเลือดตรวจหาวีดีอาร์แอล หรือขูดเอาหนังส่วนนั้นไปตรวจ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เกิดจากซิฟิลิส หรือเชื้อรา ถ้าเป็นโรค ผมร่วง หย่อมไม่ทราบสาเหตุ ก็ให้ใช้ครีมสเตอรอยด์ เช่น ครีมไตรแอมซิโนโลนอะเซโทไนด์ หรือ ครีมบีตาเมทาโซนขนาด 0.1% หรือทาด้วยขี้ผึ้งแอนทราลิน (Anthralin) ขนาด 0.5% วันละครั้ง ถ้าไม่ได้ผลใน 1 เดือน ก็อาจฉีดยาสเตอรอยด์ (เช่น ไตรแอมซิโนโลนอะเซโทไนด์) เข้าใต้หนังในบริเวณที่เป็นทุก 2 สัปดาห์ในรายที่เป็นรุนแรง ( ผมร่วง ทั้งศีรษะ) อาจต้องให้เพร็ดนิโซโลน ชนิดกินยาเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นให้ ผมงอกเร็ว ขึ้น

10. ผมร่วง เนื่องจากผมหยุดเจริญชั่วคราว

ปกติ เส้นผม ของคนเราจะมีอายุนาน 2-6 ปี แล้วจะหยุดการเจริญงอกงาม ในแต่ละวันจึงมี เส้นผม ประมาณ 10%-15% ที่เสื่อมและหลุดร่วงไปแต่ในบางภาวะ เส้นผม ที่กำลังเจริญอาจหยุดการเจริญในทันที ทำให้มี เส้นผม เสื่อมและหลุดร่วงเพิ่มจำนวนมากกว่าปกติ (เช่น เพิ่มเป็น 30%) ดังนั้นจึงทำให้เกิดอาการ ผมร่วง มากกว่าปกติได้ สาเหตุที่ทำให้ผมหยุดการเจริญชั่วคราว ที่พบได้บ่อย เช่น

10.1 ผู้หญิงหลังคลอด มัก ผมร่วง หลังคลอดประมาณ 3 เดือน เนื่องจากขณะคลอด เส้นผม บางส่วนเกิดหยุดการเจริญในทันที ต่อมาอีก 2-3 เดือน ผม เหล่านี้ก็จะร่วง

10.2 ทารกแรกเกิดอาจมีอาการ ผมร่วง ในระยะ 1-2 เดือนแรก แล้วจะค่อย ๆ มี ผม งอกขึ้นใหม่

10.3 เป็นไข้สูง เช่น ไข้รากสาดน้อย ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ เป็นต้น จะมีอาการ ผมร่วง หลังเป็นไข้ ประมาณ 2-3 เดือน

10.4 ได้รับการผ่าตัดใหญ่

10.5 เจ็บป่วยเรื้อรัง เช่น วัณโรค, เบาหวาน , โลหิตจาง, ขาดอาหาร เป็นต้น

10.6 การเสียเลือด การบริจาคเลือด

10.7 การใช้ยา เช่น ยาคุมกำเนิด, อัลโลพูรินอล, โพรพิลไทโอยูราซิล, เฮพาริน เป็นต้น

10.8 ภาวะเครียดทางจิตใจ เช่น ตกใจ เสียใจ เศร้าใจ เป็นต้นผู้ป่วยจะมีอาการ ผมร่วง มากผิดปกติ (มากกว่าวันละ 100 เส้น) ลักษณะร่วงทั่วศีรษะ ซึ่งมักจะมีอาการตามหลัง สาเหตุเหล่านี้ประมาณ 2-3 เดือน และอาจจะเป็นอยู่นาน 2-6 เดือน ก็จะหายได้เองอย่างสมบูรณ์

0